สถาปัตยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP
ในขณะที่สถาปัตยกรรมรูปแบบ OSI ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานในการสื่อสารข้อมูลในเครือ | |
ข่ายกันจริง ๆ กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาหรือ DOD (TheU.S. De ment of Defend) ใน เวลานั้นได้มีการกำหนด และเริ่มใช้รูปแบบสถาปัตยกรรม และโปรโตคอลสำหรับระบบ เครือข่ายระดับ WAN (Wide Area )Networ ที่ DOD ได้ทำการพัฒนาขึ้นมาใช้เอง ซึ่งก็คือ สถาปัตยกรรม ARPANET และ โปรโตคอล TCP/IP เพื่อใช้ในการเชื่อมโยงโฮสต์คอมพิวเตอร์ที่มี ความหลากหลายแตกต่างกัน และอยู่ห่าง ไกลกันให้สามารถติดต่อสื่อสารข้อมูลกันได้ และผลการ ใช้ งานก็เป็นที่น่าเป็นที่น่าพอใจอย่างมากเพียงแต่ว่า ARPANET ปัตย | |
และเนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(PC) ทำให้ DOD ต้องการที่จะ | |
พัฒนารู ปแบบของสถาปัตยกรรมและโปรโตคอลสำหรับเครือข่ายระดับท้องถิ่น (LAN) ขึ้นมาใช้เอง ด้วยเหตุผล | |
หลัก 3 ประการคือ | |
1. เพราะ DOD ต้องการรูปแบบสถาปัตยกรรมและโปรโตคอลที่สามารถใช้งานได้จริง ๆ | |
2. DOD มีข้อกำหนดลักษณะของเครือข่ายที่พิเศษเฉพาะออกไปจากเครือข่ายของระบบเปิด | |
3. DOD ต้องการรูปแบบสถาปัตยกรรมและโปรโตคอลของเครือข่ายที่ง่ายและไม่ซับซ้อน | |
สำหรับเหตุผลข้อที่ 1 และข้อที่ 2 คือเหตุผลความจำเป็นส่วนตัว สำหรับข้อ3 เป็น | |
การแตก ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบ OSI กับ สถาปัตยกรรมแบบ TCP/IP หรือเรียกว่า ชุด โ ปรโตคอล TCP/IP กับสถาปัตยกรรมรูปแบบ OSI กันก่อนที่เราจะศึกษากันในเรื่องของ โปรโต | |
ข้อแตกต่างระหว่างชุดโปรโตคอล TCP/IP และรูปแบบ OSI | |
ระหว่างชุดโปรโตคอล TCP/IP กับรูปแบบ OSI นั้นมีความสำคัญ ๆ ที่แตกต่างกันอยู่ 4 อย่างคือ | |
1. ลำดับการติดต่อสื่อสารของชั้นเลเยอร์ ทั้งชุดโปรโตคอล TCP/IP และรูปแบบ OSI จะมีการจัด | |
แบ่งการ สื่อสารข้อมุลออกเป็นเอนทิตี้ ๆ เพื่อง่ายต่อการจับคู่การสื่อสารระหว่างเอนทิตี้ของระบบห นึ่งกับอีกระบบ หนึ่ง แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือในรูปแบบ OSI นั้นจะกำหนดลำดับ ชั้นการสือสารที่ เป็นลำดับขั้นตอนการติดต่อ ที่แน่นอน โดยเฉพาะการอินเตอร์เฟซระหว่างชั้นเลเยอร์ ซึ่งทำให้รูปแ บบ OSI สามารถเป็นระบบเปิดสำหรับ ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป เพราะว่า ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง โปรโตคอลในเลเยอร์ชั้นใดก็ตาม จะไม่มีผล กระทบต่อการสื่อส ก ารกับเลเยอร์ชั้นถัดไป ในขณะที่ชุ โปรโตคอล TCP/IP จะไม่มีการกำหนดรูปแบบการ ติด ต่อที่ตายตัว เพื่อให้ผู้ออกแบบเครือข่ายมีอิ สระสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเครื ข่ายได้ง่าย | |
เพื่อสร้างความเข้าใจยิ่งขึ้น จึงจะขออธิบายการติดต่อการสื่อสารเป็นลำดับชั้นของเลเยอร์ ในรูป | |
ว่ากำหนดเป็นลำดับที่แน่นอนอย่างไร ดังนี้ | |
- ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเอนทิตี้ N จะต้องกระทำโดยผ่านทางเอนทิตี้ N-1 (เอนทิตี้ลำดับล่างติดกัน) | |
- เอนทิตี้ N-1 จะเป็นผู้ควบคุมการแลกเปลี่ยนข่าวสารและข้อมูลจากเอนทิตี้ N | |
- ข้อมูลจากเอนทิตี้ N ที่ต้องการจะแลกเปลี่ยนกับระบบอื่น จะถูกส่งออกจากระบบในรูปของข้อมูล | |
ส่วนในชุดโปรโตคอล TCP/IP จะไม่มีการกำหนดการติดต่อสื่อสารอย่างเข้มงวดเช่นในรูปแบบขาวคือ | |
OSI กล่ | |
- เอนทิตี้ N อาจจะติดต่อสื่อสารข้อมูลโดยผ่านเอนทิตี้ลำดับล่างที่ติดกันหรือไม่ก็ได้ | |
- การควบคุมการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และข้อมูลอาจจะกระทำในเอนทิตี้ลำดับบน หรือเอนทิตี้ | |
ลำดับล่า (ซึ่งไม่จำเป้นจะต้องเป็นลำดับล่างติดกัน) ก็ได้ | |
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในการติดต่อแลกเปลี่ยนข่าวสารในรูปแบบ OSI นั้น การอินเตอร์เฟซระหว่าง | |
เอนทิตี้ กัน เอนทิตี้ N-1 จะถูกกำหนดอย่างแน่นอนตายตัว ในขณะที่ชุดโปรโตคอล TCP/IP จะให้ความยืด หยุ่นในการสื่อสารข้อมูลมากกว่า | |
2. การสื่อสารระหว่างเครือข่ายหรือการอินเตอร์เนต (InterNet) คือ การติดต่อสื่อสารข้อมูล | |
ระหว่างระบบคอมพิวเตอร์ 2 ระบบที่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยผ่านทางเครือ ข่ายเดียวได้ ต้องอาศัยเครือข่ายตั้งแต่ 2 เครือข่ายขึ้นไ ในการติดต่อสื่อสารกัน และเครือข่าย เหล่า นี้อาจจะมีลักษณะของเครือข่ายที่ต่างกันก็ได้ | |
ความแตกต่างในเรื่องของอินเตอร์เนตระหว่างชุดโปรโตคอล TCP/IP กับรูปแบบ OSI ก็คือในชุด | |
โปรโตคอล TCP/IP จะใช้โปรโตคอลสำหรับอินเตอร์เนตที่เรียกว่า โปรโตคอล IP (IntenetProtocol) ซึ่งใน รูปแบบ OSI จะเรียกโปรโตคอลสำหรับการอินเตอร์ เนตว่าโปรโตคอล Network | |
3. การบริการเชื่อมต่อการสื่อสาร (Connection Service) ในชุดโปรโตคอล TCP/IP นั้นจะมี | |
การบริการการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างต้นทางและปลายทาง 2 แบบ คือการบริ การแบบ Connectionless และแบบ Connection oriented ส่วนในรูป แบบOSI จะให้ความสำ คัญเฉพาะบริการแบบ Connection - oriented เท่านั้น | |
ในการบริการแบบ Connection-oriented ของชุดโปรโตคอล TCP/IP โปรโตคอล TCP จะกำ- | |
หนดช่วง เวลา (Session) สำหรับการติดต่อยืนยันการส่ง-รับข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่อเช่นเดียว กับการทำงานของโปรโตคอล Session ในรูปแบบ OSI ซึ่งทำให้โปรโตคอล TCP เป็นโป อลที่มีความ น่าเชื่อถือ(Reliable) เพราะให้ความแน่นอนว่าแพ็กเกจ ข้อมูลที่ถูกส่งออกไปจาก ต้นทางจะไปถึงยังปลายทาง อย่างเป็นลำดับ และไม่มีความผิด พลาด หรือสูญหายของข้อมุล | |
สำหรับการบริการแบบ Connectionless ของโปรโตคอล จะมีลักษณะแบบเดียว กับโปรโตคอล | |
UDP ( ( User Datagram Protocol) คือโปรโตคอลจะมีหน้าที่ควบคุมการส่ง - รับข้อมูลโดยไม่มี การรอคอย การยืนยันการตอบรับข้อมูลจากปลายทาง ทำให้บริการแบบนี้ให้ความ น่าเชื่อถือน้อยกว่า แต่ก็ทำให้การสื่อสาร ข้อมูลรวดเร็วยิ่งขึ้นถ้าไม่มีความผิดพลาด เกิดขึ้นในการส่ง-รับข้อมูล | |
การบริก การแบบ Connectionless ของโปรโตคอล UDP ไม่มีสัญญาณตอบรับ (ACK) เป เทียบระหว่างโปรโตคอล TCP และโปรโตคอล Datagram การ onnection-oriented ของโปรโตคอล TCP | |
4. โปรโตคอลควบคุมการจัดการสื่อสาร ในชุดโปรโตคอล TCP/IP จะใช้โปรโตคอล TCP | |
smission Control Protocol) เป็นโปรโตคอลสำหรับควบคุมการสื่อสารออกจากกันโด ใช้โปรโตคอล Session และโปรโตคอล Transport ตามลำดับ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น